เคล็ดลับพิชิต บาคาร่า คอมโบสูตร 2 แบบ

หากใครเคยเล่นไพ่ บาคาร่าออนไลน์ คงจะเคยเห็นตารางลูกปัด ที่เป็นตารางเอาไว้บันทึกผลการออกไพ่ในแต่ละรอบที่ผ่านมา ที่เห็นเป็นจุดสีน้ำเงินกับสีแดงนั่นแหละ ซึ่งนักพนันไพ่บาคาร่าใช้สำหรับดูเค้าไพ่ เพื่อคาดเดาว่าผลการออกไพ่ในรอบถัดไปจะเป็นอะไร

คำถามก็คือ ผลลัพธ์ที่ได้จากการดูเค้าไพ่นั้น แม่นจริงหรือเปล่า เพราะรู้กันดีอยู่แล้วว่า โอกาสในการเล่นบาคาร่ามันเป็นแบบ 50-50 หมายความว่ามีโอกาสพอ ๆ กันในการที่จะออกผลว่าผู้เล่น หรือเจ้ามือเป็นผู้ชนะ แล้วแบบนี้ การอ่านเค้าไพ่จะช่วยให้เราเดาผลการออกไพ่สำหรับเกมต่อ ๆ ไปได้จริงหรือ มันจะช่วยให้เราวางเดิมพันถูกฝั่งทุกครั้งหรือแค่ทำให้เรา เดาได้อย่างมีหลักการมากขึ้น แต่โอกาสในการทายถูกหรือผิด ก็เป็นผลไปตามดวงอยู่ดี

ถ้าเป็นอย่างนั้น การอ่านเค้าไพ่ก็อาจจะไม่ใช่ตัวช่วยในการการันตีผลกำไร จากการเล่นบาคาร่าของเราเท่าไหร่ เพราะถ้าหาก สูตรการอ่านเค้าไพ่ ทำให้เรา แทงผิดหลายๆตาติดต่อกัน มันก็โหดร้ายเอาการอยู่นะ สุดท้ายแล้ว การ เล่นบาคาร่า เพื่อให้เกิดกำไรก็คือการเดาผลการออกไพ่ให้ได้ถูกต้อง 60 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จึงจะเริ่มเห็นผลกำไรได้นั่นเอง เท่ากับว่า เราต้องฝากความหวังไว้กับสูตรการอ่านเค้าไพ่ว่าจะสามารถทำให้เรา มีเปอร์เซ็นต์ในการทายถูกเพิ่มขึ้นได้ขนาดไหน สรุปง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งทายถูกเยอะยิ่งดี แต่ปัญหาก็คือ ตัวศูนย์เองไม่ได้มีการการันตีอะไรให้เราเลย อย่างที่บอกไป มันแค่บอกทิศทางในการเดาให้เราแค่นั้น

สูตรอ่านเค้าไพ่

ในเมื่อการใช้สูตรอ่านเค้าไพ่ ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด แล้วยังมีเครื่องมืออะไรอีกที่จะช่วยให้เราทำกำไร จากการเล่นบาคาร่าได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน ขอแนะนำให้รู้จักกับ “สูตรการเดินเงิน” ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นอีกเครื่องมือนึงที่นักพนันนิยมใช้กัน เพื่อการันตีผลของการเดิมพัน ว่าจะไม่ทำให้เราขาดทุนเยอะจนเกินไป หรือบางสูตรสามารถการันตีกำไรให้เราได้ด้วยซ้ำ

สูตรการเดินเงิน คือ แนวทางในการวางเงินเดิมพัน ตามหลักการทางคณิตศาสตร์ ในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ว่า สุดท้ายแล้วจะทำให้เรา เสียเงินหรือได้เงินเท่าไหร่ ทำไมการใช้สูตรการเดินเงินถึงสามารถการันตีผลลัพธ์ได้ คำตอบก็เพราะว่า สูตรการเดินเงินนั้น เป็นหลักการทางคณิตศาสตร์ สามารถพิสูจน์ตัวเลขได้ว่า กรณีที่แทงถูกทั้งหมดเท่านี้ครั้ง แทงผิดทั้งหมดเท่านี้ครั้ง จากเงินวางเดิมพันตั้งต้นเท่านี้ สุดท้ายแล้วเราจะเหลือเงินอยู่เท่าไหร่ ได้กำไรหรือว่าขาดทุน สูตรการเดินเงินสามารถให้คำตอบเหล่านี้ได้ เราจึงสามารถใช้สูตรในการวางแผนการวางเงินเดิมพัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการได้นั่นเอง

สูตรการเดินเงินที่นิยมใช้กันมีอะไรบ้าง

สูตรการเดินเงินสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ สูตรการเดินเงินเชิงบวก และ สูตรการเดินเงินเชิงลบ รายละเอียด และความแตกต่างของทั้ง 2 ประเภทเป็นดังนี้

บาคาร่า
  • สูตรการเดินเงินเชิงบวก : Positive Progression Betting System คือการให้พูดเล่น ทบเงินเดิมพันทุกครั้งที่ทายผลชนะ จึงทำให้ทุกครั้ง ที่ชนะเดิมพัน จะมีกำไรเพิ่มขึ้นแบบเท่าทวีคูณ ส่วนเมื่อแทงเสีย ก็ให้วางเงินเดิมพันเท่าเดิม เพื่อเป็นการจำกัดวงเงินของการสูญเสียเอาไว้ไม่ให้มียอดขาดทุนสะสมเยอะจนเกินไป
  • สูตรการเดินเงินเชิงลบ : Negative Progression Betting System เป็นรูปแบบของการวางเงินเดิมพันที่ตรงข้ามกับสูตรเชิงบวก ก็คือจะให้ผู้เล่นทบเงินเดิมพันเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ทายผลแพ้ ส่วนเมื่อชนะเดิมพัน ก็ให้วางเงินเดิมพันในรอบถัดไปเท่าเดิม แนวคิดของสูตรการเดินเงินเชิงลบ มีรูปแบบในลักษณะ ยิ่งเสียมากยิ่งต้องเอาคืนให้ไว จึงใช้วิธีการทบเงินเดิมพันเพิ่มเข้าไป เพราะคิดว่า ในตาต่อไปหากชนะ จะสามารถกู้คืนเงินที่เล่นเสียไปทั้งหมดกลับมาได้ในคราวเดียว 

ข้อจำกัดของสูตรการเดินเงินเชิงลบ ที่สำคัญก็คือ กรณีที่วางเดิมพันผิดติด ๆ กันหลาย ๆ ตา ผู้เล่นต้องทบเงินเดิมพันเพิ่มขึ้นเป็นอีกหลายเท่า และอาจเกิดกรณีเงินไม่พอเล่น ไม่สามารถวางเงินเดิมพันตามสูตรได้อีกต่อไป ทำให้ต้องหยุดเล่น ชั่วคราว และอาจไม่สามารถ เอาคืนเงินที่เสียไปทั้งหมดกลับมาได้ เพราะไม่มีเงินเล่นต่อแล้ว

ตัวอย่างสูตรการเดินเงินที่นิยมใช้กันในปัจจุบันนี้ ยกตัวอย่างเช่น สูตรการเดินเงิน Martingale (มาร์ติงเกล), สูตร Fibonacci (ฟิโบนัชชี), สูตร 1324 หรือ 1326, สูตร d’Alembert (เดอร์ลองเบ), สูตร Labouchere (ลาบัวร์เชอร์) ฯลฯ สูตรเหล่านี้ต่างเป็นสูตรการเดินเงินแบบทบเงินเดิมพันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทบเมื่อชนะหรือทบเมื่อแพ้เดิมพันก็ตาม 

อย่างไรก็ดี อยากให้เพื่อน ๆ ศึกษาหารายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละสูตรด้วยตัวเอง โดยใส่ชื่อสูตรที่เป็นภาษาอังกฤษ เข้าไป เสิร์ชหาดูใน Google เพื่อจะได้ทราบข้อมูลในเชิงลึกของแต่ละสูตร สำหรับบทความนี้ ขอกล่าวถึงเพียงแค่แนวคิดและหลักการนำไปใช้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นบทความที่มีความยาวมากเสียจนไม่น่าอ่านนั่นเอง

การใช้งานคู่กัน สร้างคอมโบสูตรบาคาร่าด้วยตัวคุณเอง

ในตอนต้นของบทความ เราได้กล่าวถึงข้อดีของการใช้สูตรการอ่านเค้าไพ่ และความสำคัญของการใช้สูตรการเดินเงินไปบ้างแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาแห่งความจริงแล้ว นั่นก็คือ การทดสอบใช้งานจริงนั่นเอง

สูตรการอ่านเค้าไพ่ที่นิยมใช้กันได้แก่ เค้าไพ่ปิงปอง, เค้าไพ่ออกติด, เค้าไพ่ออกสลับ, เค้าไพ่มังกร ฯลฯ ซึ่งในกรณีที่เป็นผู้เล่นมือใหม่ การจะเรียนรู้เรื่องการอ่านเค้าไพ่ถือว่าเป็นเรื่องน่าปวดหัวพอสมควร เพราะแต่ละรูปแบบมีวิธีการในการสังเกต มีข้อจำกัด มีข้อยกเว้น ที่ต้องศึกษา สำหรับสูตรการอ่านเค้าไพ่ที่อยากแนะนำให้ใช้ก็คือ “สูตรอ่านเค้าไพ่แบบแพคเกจ” เนื่องจากเป็นการผสมผสานรูปแบบการอ่านเค้าไพ่ถึง 4 วิธีด้วยกัน จึงสามารถใช้เล่นต่อเนื่อง แตกต่างจากการอ่านเค้าไพ่แบบอื่นที่ใช้เล่นได้ไม่กี่ตา สูตรบาคาร่า แพ็คเกจประกอบไปด้วย

  • เค้าไพ่แบบออกติด ให้ดูจากการออกไพ่ 2 ครั้งสุดท้ายถ้าออกมาเหมือนกันเป็น แดง-แดง ครั้งต่อไปให้วางเดิมพันเป็น “แดง”
  • เค้าไพ่แบบออกสลับ ให้ดูจากการออกไพ่ 3 ครั้งสุดท้าย ถ้าออกมาสลับกัน เช่น แดง-น้ำเงิน-แดง ให้วางเดิมพันครั้งต่อไปที่ “น้ำเงิน”
  • เค้าไพ่แบบ 2 สลับ 1 ให้ดูจากการออกไพ่ 3 ครั้งสุดท้าย ถ้าออกมาในลักษณะ เหมือนกัน 2 ตัวและเปลี่ยนเป็นตรงข้าม เช่น น้ำเงิน-น้ำเงิน-แดง ครั้งต่อไปให้วางเดิมพันตรงข้ามกับตัวที่ออกสุดท้าย ในทีนี้ก็คือเดิมพัน “น้ำเงิน”
  • เค้าไพ่แบบ 2-2-2 รูปแบบการดูเค้าไพ่นี้ต้องดูจากการออกไพ่ 4 ครั้งสุดท้าย จะมีลักษณะเป็นออกติดกันอย่างละ 2 ตัว 2 สี 2 ครั้ง เช่น น้ำเงิน-น้ำเงิน-แดง-แดง ครั้งต่อไปให้วางเดิมพันที่ “น้ำเงิน” ได้เลย

เมื่อเลือกสูตรการอ่านเค้าไพ่ได้แล้วต่อไปก็ถึงเวลาเลือกสูตรการเดินเงินที่จะใช้ หลักข้อเดียวในการพิจารณาก็คือเรามีเงินทุนมากแค่ไหน แนวทางในการเลือกใช้สูตรคือ

  • กรณีที่เงินทุนไม่มาก ควรใช้สูตรการเดินเงินแบบลูปสั้น ๆ เช่น 1324 หรือ 1326 เป็นสูตรการเดินเงินที่จะแทงทบเพียงแค่ 4 ไม้ หลังจากนั้นก็จะกลับมาเริ่มต้นที่ 1 ใหม่
  • กรณีเงินทุนเยอะ และคาดหวังผลกำไรเยอะ สามารถใช้สูตรแบบ Winning Martingale หรือ Fibonacci ได้ เนื่องจากมีชุดตัวเลขที่ใช้ในการเดินเงินที่ยาวขึ้น
  • กรณีที่ไม่ชอบมีความเสี่ยง อยากวางเดิมพัน เน้นเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ควรใช้สูตรหารเดินเงินแบบคงที่ นั่นคือการวางเดิมพัน แบบเท่า ๆ กันในทุกตา สูตรนี้ความเสี่ยงน้อย แต่ถ้ากำไรก็จะไม่ได้ไม่มาก เมื่อได้กำไรพอประมาณแล้วควรเลิกจะดีกว่า

และทั้งหมดนี้ก็คือ การผสมผสาน ระหว่างสูตรการเดินเงิน และสูตรการอ่านเค้าไพ่ เพื่อนำมาใช้ในการเล่นไพ่ บาคาร่า ให้มีกำไรเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกใช้สูตรไหนก็ได้ที่ตัวเองถนัด นำมาจัดชุดคอมโบใช้งานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจองสูตรทั้ง 2 ให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง 

gclubxxx-POP-UP-GCLUB-REVISED22